- ชม VDO เรื่อง มหัศจรรย์ของน้ำ
มหัศจรรย์ของน้ำ
| |
น้ำเป็นสสารชนิดเดียวในโลกที่ปรากฏตามธรรมชาติพร้อมกันทั้ง 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ คุณสมบัติอันน่าทึ่งนี้ควบคู่ไปกับความสามารถอันใหญ่หลวงในการรับและถ่ายทอดพลังงานความร้อนของน้ำ ทำให้น้ำมีบทบาทสำคัญในการรักษาอุณหภูมิของบรรยากาศให้เหมาะสม และสร้างวงจรของน้ำขึ้นสำหรับสิ่งมีชีวิตต่างๆ
เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น น้ำจะดูดซับความร้อนเข้าไปมากขึ้น จนน้ำส่วนหนึ่งกลายเป็นไอ โดยน้ำ 1 กรัม ที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส จะระเหยกลายเป็นไอได้ต้องดึงความร้อนจากสิ่งแวดล้อมไปใช้ถึง 629 แคลอรี่ ทำให้สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ เย็นลงได้ เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง ไอน้ำซึ่งมีสภาพเป็นก๊าซชนิดหนึ่งจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นละอองน้ำพร้อมกับคายความร้อนออกมาช่วยให้เกิดความอบอุ่นขึ้น เมื่อฝนใกล้ตกจะทำให้มีความรู้สึกอบอ้าว เนื่องจากน้ำคายความร้อนออกมานั่นเอง น้ำในบรรยากาศรวมทั้งในมหาสมุทร ทะเลและแหล่งน้ำอื่นๆทำหน้าที่เก็บรักษาและคายความร้อน ทำให้โลกมีสภาพบรรยากาศอบอุ่นสบายเช่นที่ผ่านมา แต่ที่ในช่วงตั้งแต่ประมาณ 10 ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งทุกวันนี้สภาพอากาศมีการแปรปรวนบ่อยขึ้น อันมีผลมาจากความไม่สมดุลย์ของก๊าซในชั้นบรรยายกาศที่มีปริมาณของก๊าซที่สามารถในการเก็บความร้อนเพิ่มมากขึ้นจนมีผลให้เกิดความแปรปรวนดังกล่าว
ฝนตกเกิดจาก น้ำโดนความร้อนของแสงจากดวงอาทิตย์หรือความร้อนอื่นใดที่ใช้ในการต้มน้ำ จนทำให้ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่อไอน้ำมากขึ้นจะรวมตัวกันเป็นละอองน้ำเล็กๆ ปริมาณของละอองน้ำยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆก็จะรวมตัวกันเป็นเมฆฝน พอมากเข้าอากาศไม่สามารถพยุงละอองน้ำเหล่านี้ต่อไปได้ น้ำก็จะหล่นลงมายังผืนโลกให้เราเรียกขานกันว่าฝนตก วัฏจักรของน้ำที่เกิดขึ้น เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่โลกใบกลมของเราเกิดขึ้นมา และคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆชั่วกัปกัลป์
การเกิดฝน ปริมาณน้ำฝนนั้นวัดโดยใช้ มาตรวัดน้ำฝน โดยเป็นการวัดความลึกของน้ำที่ตกลงมาสะสมบนพื้นผิวเรียบ สามารถวัดได้ละเอียดถึง 0.25 มิลลิเมตร หรือ 0.01 นิ้ว บางครั้งใช้หน่วย ลิตรต่อตารางเมตร (1 L/m? = 1 mm) เกิดจากอนุภาคของไอน้ำขนาดต่างๆในก้อนเมฆเมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้นจนไม่สามารถลอยตัวอยู่ในก้อนเมฆได้ก็จะตกลงมาเป็นฝน ฝนจะตกลงมายังพื้นดินได้นั้นจะต้องมีเมฆเกิดในท้องฟ้าก่อน เมฆมีอยู่หลายชนิด มีเมฆบางชนิดเท่านั้นที่ทำให้มีฝนตก เราทราบแล้วว่าไอน้ำจะกลั่นตัวเป็นเมฆก็ต่อเมื่อมีอนุภาคกลั่นตัวเล็กๆอยู่เป็นจำนวนมากเพียงพอและไอน้ำจะเกาะตัวบนอนุภาคเหล่านี้รวมกันทำให้เกิด เป็นเมฆ เมฆจะกลั่นตัวเป็นน้ำฝนได้ก็ต้องมีอนุภาคแข็งตัว(Freezing nuclei) หรือเม็ดน้ำขนาดใหญ่ซึ่งจะดึงเม็ดน้ำขนาดเล็กมารวมตัว กันจนเป็นเม็ดฝน สภาวะของน้ำที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอาจเป็นลักษณะของฝน,ฝนละอองหิมะหรือลูกเห็บซึ่งเรารวมเรียกว่าน้ำฟ้าจะตกลง มาในลักษณะไหนขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศในพื้นที่นั้นๆ น้ำฟ้าต้องเกิดจากเมฆ ไม่มีเมฆไม่มีน้ำฟ้าแต่เมื่อมีเมฆไม่จำเป็นต้องมีน้ำฟ้า เสมอไปเพราะเมฆหลายชนิดที่่ลอยอยู่เฉยๆไม่ตกลงมา มีเมฆบางชนิดเท่านั้นที่ทำให้เกิดน้ำฟ้า โดยปกติแล้ว ฝนจะมีค่า pH ต่ำกว่า 6 เล็กน้อย เนื่องมาจากการรับเอาคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเข้ามาซึ่งทำให้ส่งผลเป็นกรดคาร์บอนิก ในพื้นที่ที่เป็นทะเลทรายนั้นฝุ่นในอากาศจะมีปริมาณแคลเซียมคาร์บอเนตสูง ซึ่งส่งผลต่อต้านความเป็นกรด ทำให้ฝนนั้นมีค่าเป็นกลาง หรือ แม้กระทั่งเป็นเบส ฝนที่มีค่า pH ต่ำกว่า 5.6 นั้นถึอว่าเป็น ฝนกรด (acid rain) อ้างอิงจากเว็บ http://www.panyathai.or.th
การบ้าน
- จับคู่ ทำสื่อที่เด็กๆเล่นด้วยตนเอง ( วิทยาศาสตร์ ) ใช้จากเศษวัสดุ ใช้วัสดุอะไรบ้าง ถ่ายรูปรูปำเป็นขั้นตอน วิธีทำของเล่น
- ทำสื่อเพื่อนำไปสอนเด็กๆ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น